เรื่องเล่า 7 นางฟ้า
คณะนางฟ้าผู้มีความงามเป็นเลิศแห่งสรวงสวรรค์ พวกนางเสมือนอัญมณีอันมีค่าแห่งสรวงสวรรค์ พวกนางคือ 7 นางฟ้า คือ เทพธิดา 7 พระองค์ ก็น่าจะคล้ายๆกับโป๊ยเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มเซียนที่มีเซียน 8 องค์ 7 นางฟ้าเป็นเทพธิดาที่มีความงามมากเป็นพระราชธิดาแห่งเง็กเซียนฮ่องเต้เลยทีเดียว แต่เราต้องเข้าใจว่าเทพมิอาจจะมีรักโลภโกรธหลงได้ และ นางฟ้าทั้ง7นางก็มิได้กำเนิดมาแต่พระแม่แห่งสวรรค์ (ซีหวังหมู่) เพราะเทพมิอาจจะสัมผัสหรือมีสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้งเหมือนมนุษย์อันมีกายเนื้อหยาบ
เป็นตำนานปรัมปราของจีนว่าด้วยงานประเพณีใน วันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินแบบจีนเป็นที่มาของประเพณี ทานาบาตะ ในญี่ปุ่น และประเพณี Chilseok ในเกาหลี ซึ่งมีการโยงตำนานนี้กับสถานที่ในภูเขาคึมกังซาน (ภูเขาเพชร) ที่ว่ากันว่าเป็นจุดที่นางฟ้าลงมาเล่นน้ำด้วย เทศกาลวันดังกล่าวเปรียบได้ว่าเป็นวันแห่งความรักในประเพณีจีน ช่วงเวลาแห่งประเพณีนี้คือเมื่อดวงดาวในสามเหลี่ยมฤดูร้อนโคจรขึ้นสูงเหนือศีรษะ ดาวสำคัญในสามเหลี่ยมฤดูร้อนที่เกี่ยวข้องกับตำนานนี้ คือดาวอัลแทร์ และดาวเวกา
นักวิชาการส่วนหนึ่งเชื่อว่า ตำนานเจ็ดนางฟ้าของจีนนี้ (ซึ่งเล่าขานกันในเกาหลี เวียดนาม และญี่ปุ่นด้วย) สามารถสืบกันได้กับนิทานเรื่องพระสุธนมโนห์รา ซึ่งเล่ากันแพร่หลายในไทย ลาว และอินโดนีเซีย โดยมีแก่นเรื่องคล้ายคลึงกันและทำให้เห็นได้ว่า น่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน กล่าวคือ เป็นเรื่องของผู้หญิงเจ็ดคน (หรือแปดคนในตำนานบางฉบับของเกาหลี) ที่มีความสามารถมากกว่ามนุษย์ คือ บินได้ด้วยเครื่องช่วยบางอย่าง (ปีกและหางของกินรี และอาภรณ์เทพธิดาของนางฟ้าทั้งเจ็ด) ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเล่นน้ำ น้องสาวคนเล็กสุดและสวยที่สุดของนางเหล่านี้ถูกมนุษย์ผู้ชายจับได้และยึดอุปกรณ์ช่วยบินไว้ (ในบางตำนาน ผู้จับได้เป็นตัวพระเอกเอง บางตำนานเป็นนายพรานซึ่งนำไปถวายพระเอกที่เป็นเจ้าเหนือหัวของตน) นางเอกจึงยอมแต่งงานกับมนุษย์ แต่ต่อมามีเหตุให้นางเอกต้องใช้อุปกรณ์ทิพย์บินหนีจากโลกมนุษย์คืนไปสู่ถิ่นเดิมของนาง และพระเอกต้องเริ่มต้นผจญภัยเพื่อตามหาตัวนางคืน เรื่องดังกล่าวมีจารึกเป็นภาพสลักไว้ที่ บุโรพุทโธ ในอินโดนีเซีย เนื่องจากเชื่อว่าเป็นอดีตชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า และพระเถระชาวเชียงใหม่ได้รจนาไว้เป็นภาษาบาลีใน ปัญญาสชาดก ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่าแต่งขึ้นระหว่างปีพ.ศ. 2000-2020 ด้วย โดยให้ชื่อเรื่องว่า สุธนชาดก
คราวนี้มาเข้าเรื่องต่อ7 นางฟ้ามีหน้าที่ของตนที่ต่างกันไป เช่น บางองค์สร้างปั่นปุยเมฆในท้องฟ้า บางองค์มีหน้าที่โปรยหิมะ ซึ่งว่าไปงานช่างหนักอยู่นะไม่ค่อยเหมาะกับนางฟ้าที่แสนจะสวยและเบาะบาง มิได้ทำหน้าที่เป็นสาวทอผ้า เพราะเทพธิดาจื่อหนี่เพิ่งมาเป็นเรื่องทอผ้าก็ตอนอยู่บนโลกมนุษย์นั่นเอง และพวกนางมีหน้าที่ๆทุกพระองค์ต้องกระทำคือ เก็บผลท้อในสวนสวรรค์เพื่อไปใช้เลี้ยงเหล่าเทพเจ้าและเซียนในงานเลี้ยงลูกท้อของเจ้าแม่ซีหวังหมู่ หรือ พระแม่แห่งสวรรค์ ซึ่งถ้าใครเคยดูละครซี่รี่ส์จีน เรื่องไซอิ๋ว จะมีตอนที่เห้งเจียเป็นคนเฝ้าสวนท้อ และ 7 นางฟ้ามาขอเก็บท้อไปงานเลี้ยงลูกท้อตามคำสั่งของพระแม่แห่งสวรรค์
ที่มา
: ตำนาน7 นางฟ้า.http://board.postjung.com/808694.html.สืบค้นวันที่ 8 กรกฏาคม 2559.
: เจ็ดนางฟ้า.https://th.m.wikipedia.org/wiki/เจ็ดนางฟ้า.สืบค้นวันที่8 กรกฏาคม 2559.
: ตำนานพระสุธนมโนราห์.http://www.hugchiangkham.com/ตำนานพระสุธนมโนราห์.
สืบค้นวันที่ 8 กรกฏาคม 2259.
: ตำนานและนิทานพื้นบ้านเวียดนาม.กรุงเทพมหานคร.นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์,2558.120 หน้า.
: สุภลักษณ์ พูนสินบูรณะ,บรรณาธิการ. พระสุธน มโนราห์. สำนักพิมพ์ห้องเรียน.ปีพิมพ์2550.
ลดาวัลย์. ชัยแสง(53010612049)