วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัด บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ

แบบฝึกหัดที่ 4
กลุ่มเรียนที่ 1
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่
ในชีวิตประจำวัน
 รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ-สกุล ลดาวัลย์. ชัยแสง รหัส 53010612049

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิดแล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1) การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล
ตอบ - flash drive
         - hard disk
         - CD ROM
2) การแสดงผล
ตอบ - จอmonitor
         - เครื่องพิมพ์
         - พล็อตเตอร์
3) การประมวลผล
ตอบ - CPU
         - RAM
         - Main board
4) การสื่อสารและเครือข่าย
ตอบ - Modem
         - โทรทันศ์
         - Router

2. ให้นิสิตนำตัวเลขหน้าคำตอบ  มาเติมหน้าข้อคำถามในด้านล่างที่มีความที่สัมพันธ์กัน
คำตอบ
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณประมวลผลข้อมูล
2. e-Revenue
3. เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
4. มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และ Decoder
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
9. CAI
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

คำถาม 
8… ซอฟต์แวร์ประยุกต์
3… Information Technology
1… คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
4…เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
6…ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
7… ซอฟต์แวร์ระบบ
9… การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดียที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
5… EDI
10… การสื่อสารโทรคมนาคม
2… บริการชำระภาษีออนไลน์

แบบฝึกหัด บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ

แบบฝึกหัด 3
กลุ่มเรียนที่ 1

รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ -สกุล ลดาวัลย์.   ชัยแสง.. รหัส 53010612049



คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
ก. ความสามารถในการกลั่นกลอง และประเมินค่าสารสนเทศที่หามาได้
ข. ความสามารถในการตัดสินใจใช้สารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ค. ความสามารถของบุคคลในการสืบค้นและพัฒนาสารสนเทศ
ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ


ตอบ  ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ

2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ข. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
ค. ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ
ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ


ตอบ  ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ข. สามารถใช้สารสนเทศในการดำเนินชีวิต
ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
ง. ใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาสารสนเทศได้


ตอบ ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
1. โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น
2. ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
3. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
4. ช่วยบุคคลเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต


ตอบ 1. โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
     1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
     2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
     3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
     4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
     5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ก. 1-2-3-4-5 

ข. 2-4-5-3-1 
ค. 5-4-1-2-3 
ง. 4-3-5-1-2

ตอบ  ค. 5-4-1-2-3 

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัด บทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม

แบบฝึกหัด 2

 กลุ่มเรียนที่ 1
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน รหัสวิชา 0026008
ชื่อ - สกุล..ลดาวัลย์  ชัยแสง..รหัส 53010612049

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
ตอบ. 1. www.telegraph.co.  - Telegraph เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์สัญชาติอังกฤษที่มีอิทธิพลในวงการศึกษาทั่วโลก อันเนื่องจากมีการนำเสนอเนื้อหาข่าวที่กระชับ รวดเร็ว รูปภาพที่สีสันสวยงามของตากล้องมืออาชีพ และมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยและอันดับทางการศึกษา คนดังกับการศึกษา และหลักสูตรทางการศึกษาเด่นๆ อยู่เป็นประจำ
         2. www.usnews.com - U.S. News เป็นเว็บไซต์สำนักข่าวอเมริกา  เว็บไซต์มีชื่อเสียงมากในเรื่องการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการทั่วโลกนำผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ U.S. News ไปใช้ในวงการศึกษา เช่นเดียวกับในประเทศไทยซึ่งมีอิทธิพลมากในการตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาของนักเรียนไทย นอกจากนี้ยังมีบทความชีวิตนักเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆภายในสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจอีกเป็นจำนวนมาก 
         3. www.educationworld.com - เว็บไซต์ทางการศึกษาอีกเว็บอย่าง EducationWorld ได้ย่อโลกทางการศึกษามาให้คนทุกคนบนโลกออนไลน์ได้เข้าถึงข่าวการศึกษาจากที่บ้านได้ง่ายๆ ภายในเว็บไซต์ประกอบด้วยชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้และเรื่องราวทางการศึกษาจำนวนมาก เป็นแหล่งข้อมูลของอาจารย์และนักเรียนในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนได้เป็นอย่างดี ด้วยข้อมูลทางการศึกษาจำนวนมากในเว็บไซต์ทำให้นักอ่านเพลิดเพลินไปกับการท่องโลกแห่งการเรียนได้ดีทีเดียว ที่น่าสนใจคือมีแบบฝึกหัดฝึกทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กระดับอนุบาลจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน โดยมีคำแนะนำในการพัฒนาเด็ก เยาวชน และการตัดสินใจทางความคิด รวมถึงทรัพยากรทางการศึกษาจำนวนมาก

1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
ตอบ 1.www.dbd.go.th - เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
         2. www.rd.go.th - เว็บไซต์กรมสรรพากร
         3. www.obec.go.th - เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน


1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
 ตอบ 1. www.thairath.co.th - เว็บไซต์สำนักข่าวไทยรัฐ
         2. www.daradaily.com - เว็บไซต์สำนักข่าวDARADAILY
         3. www.siamsport.co.th - เว็บไซต์สำนักข่าวSIAMSPORT

1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
ตอบ 1. www.industry.go.th - เว็บไซต์กระทรวงอุตสหกรรม
        ิิ 2. www.thairung.co.th - เว็บไซต์ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์ของบริษัทรThairung
         3. www.carryboy.com - เว็บไซต์ข้อมูล อุปกรณ์เสริมต่างๆในการตกแต่งรถยนต์ของบริษัท  Carryboy

1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
ตอบ 1. www.dmsc.moph.go.th - เว็บไซต์กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์
         2. www.niems.go.th - เว็บไซต์สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
         3. www.health.kapook.com - เว็บไซต์รวบรวมเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ

1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
ตอบ 1.  www.befreshstudio.com - เว็บไซต์แจ้งความออนไลน์
         2. www.rpca.ac.th - เว็บไซต์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
         3. www.moj.go.th - เว็บไซต์ที่รวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน


1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
ตอบ 1. www.coe.or.th - เว็บสภาวิศวกรรม
         2. www.ceat.or.th - เว็บสมาคมวิศวกรรมปรึกษาแห่งประเทศไทย
         3. www.civilclub.net - เว็บรวบรวมข้อมูลต่างๆเกียวกับวิศวกรรม

1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
ตอบ  1. www.kasetporpeang.com - เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรพอเพียง
          2. www.krudaeng.wikispaces.com - เว็บไซต์รวบรวมความรู้ต่างๆเกี่ยวกับดิน
          3. www.skywaterthai.com - เว็บไซต์รวบรวมความรู้ต่างๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำ

1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
ตอบ 1. www.healthyability.com - เว็บไซต์สร้างเสริมสุขภาพผู้พิการไทย
         2. www.ddc.go.th - เว็บไซต์ศูนย์พัฒนาอาชีพผู้พิการ
         3. www.blind.or.th - เว็บไซต์มูลนิธิช่วยคนตาบอลแห่งประเทศไทย

2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
ตอบ  1. อุปกรณ์ที่ทันสมัยห้องเรียนสมัยใหม่มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ 
          2. เครื่องคอมพิวเตอร์มีระบบการอ่านข้อมูลอิเลกทรอนิกส์แบบต่างๆ
       ิิิิิืืื   3. มัลติมีเดียอิเลกทรอนิกส์ยุควิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ระบบวิดีโอออนดีมานด์ไฮเปอรเทอกซ์ 

3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
ตอบ  1. ใช้ระบบจากอินเตอร์เน็ต หรืออิเลกทรอนิกส์ใช้ในการทำงานให้มากที่สุด
   ิิิิ      2. นำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
         3. นำมาใช้เป็นระบบสื่อสารได้ และเป็นแบบแผนในการทำงานได้
         4. สะดวกในการทำงาน และรวดเร็วในการในการค้นหาข้อมูลต่างๆ

แบบฝึกหัด บทที่ 1 แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่

แบบฝึกหัดบทที่ 1 


กลุ่มที่เรียน  1
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่
ในชีวิตประจำวัน 
รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ -สกุล ลดาวัลย์   ชัยแสง
รหัส 53910612049

จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูลหรือสารสนเทศ

1. ข้อมูลหมายถึง....
ตอบ   ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมต่อการสื่อสารการแปลความหมาย การประมวลผล และการใช้งาน โดยข้อมูลอาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักขระ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา

2. ข้อมูลปฐมภูมิคือ ...ยกตัวอย่างประกอบ
 ตอบ  คือ เป็นข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งได้มาจากการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทึก รวมถึงการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ เช่น เครื่องอ่านรหัสแท่ง เครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก ด้วยเหตุนี้ข้อมูลปฐมภูมิจึงเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ได้มาจากจุดกำเนิดของข้อมูลนั้นๆ
     ตัวอย่างข้อมูลปฐมภูมิ แบบบันทึกงานอดิเรกและสีที่ชอบของเพื่อนๆ ในชั้น ม.1 ที่ได้จากการสอบถามและจดบันทึกลงในสมุด ชื่อ-นามสกุล งานอดิเรก สีที่ชอบ 
น.ส ส้มโอ หวานหอม ฟังเพลง สีส้ม 
น.ส มังคุด กลมกล่อม อ่านหนังสือนิยาย สีแดง 
น.ส มะขาม เปรี้ยวจี๊ด สะสมแสตมป์ สีขาว
นายมะพร้าว ต้นสูง เล่นกีฬาว่ายน้ำ สีชมพู 
นายขนุน หนามเยอะ เล่นดนตรี สีฟ้า

3. ข้อมูลทุติยภูมิคือ  ยกตัวอย่างประกอบ
.ตอบ เป็นข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว โดยผู้ใช้ไม่ต้องไปสำรวจด้วยตนเอง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีการตีพิมพ์หรือเผยแพร่เพื่อให้ใช้งานได้ หรือนำไปประมวลผลต่อไป
ตัวอย่างข้อมูลทุติยภูมิ ตารางมูลค่าการลงทุนต่างประเทศของพื้นที่จีนตะวันตก ปี 2553 (ล้านUSD)

4. สารสนเทศหมายถึง.
ตอบ ผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวมความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น 

5. จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
ตอบ ประเภทของสารสนเทศ สารสนเทศแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
    1 สารสนเทศที่ทำเป็นประจำ เป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเป็นประจำและมีการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ เช่น สถิติการขาด ลา มาสายของพนักงานบริษัท รายงานรายรับ-รายจ่ายของสหกรณ์โรงเรียน รายงานประจำวันเกี่ยวกับผู้มาติดต่อกับโรงเรียน รายงานยอดขายประจำเดือนของบริษัท เป็นต้น
   2 สารสนเทศที่ต้องทำตามกฎหมาย เป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ ซึ่งมีการออกกฎหรือกำหนดข้อบังคับให้ทำรายงานส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยงานที่ควบคุมดูแลเพื่อใช้เป็นหลักฐานในสถานการณ์ต่างๆ เช่น งบดุลหรืองบการเงินของแต่ละบริษัทที่ต้องทำขึ้นเพื่อยื่นต่อทางราชการและใช้ในการเสียภาษี การยื่นขอเสียภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา เป็นต้น
    3 สารสนเทศที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ เป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ เป็นครั้งคราว เพื่อนำข้อมูลมาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น รัฐบาลต้องการสร้างสถานีรถไฟฟ้าต่อจากสถานีเดิม และจำเป็นต้องได้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนว่าควรสร้างต่อหรือไม่ จึงต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปรายงานขึ้นเป็นการเฉพาะ แล้วนำสารสนเทศนั้นมาพิจารณาถึงผลดีและผลเสียเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นต้น
6. ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความ รูปภาพ เสียง คือ
ตอบ. ข้อมูลสารสนเทศ

7. ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
ตอบ เป็นการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อแปรสภาพข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ เรียกว่า ข้อมูลสนเทศหรือสารสนเทศ

8. ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น
ตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ

9. ผลของการลงทะเบียนเป็น
ตอบ ข้อมูลทุติยภูมิ

10. กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน Section วันอังคารเป็น
ตอบ  ข้อมูลทุติยภูมิ

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฟ้อนอีสาน

ฟ้อนอีสาน



     การฟ้อนของภาคอีสานนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ที่ผู้ชมสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าต่างจากภาคอื่นๆ แม้จะไม่มีการประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อนการแสดงซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
       ท่วงทำนองของดนตรี จังหวะ ลีลาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มีความสนุกสนานเร้าใจแตกต่างจากภาคอื่นๆ ของไทย
       การแต่งกายของผู้แสดง ทั้งนักแสดงหญิงและชายจะมีความเด่นชัด ในฝ่ายหญิงจะนุ่งซิ่นมัดหมี่ สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มผ้าสไบหรือแพรวา ผมเกล้ามวย ฝ่ายชายจะสวมเสื้อม่อฮ่อม นุ่งโสร่งผ้าลายเป็นตาๆ ก็พอจะบอกได้ว่าเป็นการแสดงของอีสาน
       เครื่องดนตรี นับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของภาคอีสานอบ่างชัดเจน พิณ แคน โปงลาง โหวด ไหซอง กลองตุ้ม ถึงแม้จะยังไม่มีการบรรเลงก็พอจะบอกได้ว่า การแสดงต่อไปนี้จะเป็นการแสงของภาคอีสาน
       ภาษาอีสาน แน่นอนว่าเป็นภาษาเฉพาะถิ่นที่มีสำเนียงที่แตกต่าง เป็นการชี้ชัดว่าเป็นการแสดงของภาคอีสาน
ท่าฟ้อนของภาคอีสานนั้นมีความเป็นอิสระสูง ไม่มีข้อจำกัดตายตัว ทั้งมือและเท้า ส่วนใหญ่ท่าฟ้อนจะได้มาจากท่าทาง หรืออริยาบถธรรมชาติ และมีท่าพื้นฐานที่แตกต่างกันไปเฉพาะถิ่น เช่น ฟ้อนผู้ไท ฟ้อนผีฟ้า ฟ้อนไทยดำ เรือมอันเร เป็นต้น


      ถึงแม้จะมีความคิดที่จะพยายามกำหนดท่าฟ้อนของภาคอีสาน ให้เป็นแบบฉบับขึ้น มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับนาฏศิลป์ภาคกลางที่มี "ท่าแม่บท" เป็นพื้นฐานในการฟ้อนรำนั้น เป็นแนวคิดหนึ่งที่ต้องการให้การฟ้อนภาคอีสานมีระบบ และหลักเกณฑ์ที่แน่นอนขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้องนัก เพราะจะเป็นการตีกรอบให้ตัวเองมากเกินไป ซึ่งตามจริงแล้ว ท่าฟ้อนของอีสานมีความเป็นอิสระ ไม่มีการกำหนดท่าแน่นอนตายตัวว่าเป็นท่าอะไร ขึ้นอยู่กับผู้ประดิษฐ์ท่ารำ จะตั้งชื่อว่าเป็นท่าอะไร ความเป็นอิสระนี่เองที่ทำให้เกิดท่าฟ้อนชุดใหม่ๆ ที่แปลกตา สวยงามยิ่งขึ้น
       ท่าฟ้อนที่เป็นแม่แบบส่วนใหญ่นำมาจากกลอนลำ ซึ่งเรียกว่า "กลอนฟ้อน" เป็นกลอนยาว ใช้กลอนเจ็ด แปด หรือกลอนเก้า แล้วแต่ผู้แต่งถนัดแบบใด การฟ้อนเป็นศิลปะอันหนึ่งที่มาพร้อมกับการลำ การฟ้อนจะมีกี่แบบไม่ปรากฏแน่ชัด แต่หมอลำจะแต่ง กลอนฟ้อนแบบต่างๆ ไว้ ในขณะที่ลำหมอลำจะฟ้อนแสดงท่าทางตามกลอนที่แต่ง ดูแล้วเป็นการสนุกสนาน
        การฟ้อนอีสาน มีศิลปะการฟ้อนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และมีการสืบทอดจนเกิดเป็นพัฒนาการมาจน ถึงปัจจุบัน มี แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มวัฒนธรรมใหญ่ ๆ คือ กลุ่มอีสานเหนือ มีวัฒนธรรมไทยลาวซึ่งมักเรียกการละเล่นว่า “เซิ้ง ฟ้อน และหมอลำ” เช่น เซิ้งบังไฟ เซิ้งสวิง ฟ้อนภูไท ลำกลอนเกี้ยว ลำเต้ย ซึ่งใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านประกอบ ได้แก่ แคน พิณ ซอ กลองยาว อีสาน ฉิ่ง ฉาบ ฆ้อง และกรับ ภายหลังเพิ่มเติมโปงลางและโหวดเข้ามาด้วย ส่วนกลุ่มอีสานใต้ได้รับอิทธิพลไทยเขมร มีการละเล่นที่เรียกว่า เรือม หรือ เร็อม เช่น เรือมลูดอันเร หรือรำกระทบสาก รำกระเน็บติงต็อง หรือระบำตั๊กแตน ตำข้าว รำอาไย หรือรำตัด หรือเพลงอีแซวแบบภาคกลางวงดนตรี ที่ใช้บรรเลง คือ วงมโหรีอีสานใต้ มีเครื่องดนตรี คือ ซอด้วง ซอด้วง ซอครัวเอก กลองกันตรึม พิณ ระนาด เอกไม้ ปี่สไล กลองรำมะนาและเครื่องประกอบจังหวะ การแต่งกายประกอบการแสดงเป็นไปตามวัฒนธรรมของพื้นบ้าน ลักษณะท่ารำและท่วงทำนองดนตรีในการแสดงค่อนข้างกระชับ รวดเร็ว และสนุกสนาน
        นักนาฎศิลป์และศิลปินอีสาน เป็นผู้มีความคิดกว้างไกล มีความประสงค์ที่จะอนุรักษ์ประเพณีการละเล่นของชุมชนเอาไว้เลย ได้ปรับปรุงให้การละเล่นบางอย่างออกมาในรูป “นาฎยศิลป์” เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าทางศิลปะและความสวยงาม ให้ชุมชนได้ตระหนักในความสำคัญของการละเล่นที่เป็นประเพณี มรดกของชุมชน และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติสืบไป
        การแสดงฟ้อนอีสานถือว่าเป็นการแสดงที่มีบทบาทและความสำคัญในงานประเพณีต่างๆของชาวอีสานโดยเฉพาะงานบุญประจำเดือนที่เรียกว่า ฮีตสิบสองและงานประเพณีต่างๆหรืองานขบวนแห่อื่นๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานผ้าป่า ต่อมาได้มีการพัฒนารูปแบบการฟ้อนอีสานใหม่ให้มีความสวยงาม และความสนุกสนานมากขึ้น และยังคงอนุรักษ์ สืบสาน วัฒนธรรมสอดแทรกเข้าไปอยู่ในท่วงท่าลีลาและทำนองของฟ้อนอีสาน

ที่มา
 จารุวรรณ ธรรมวัตร.คติชาวบ้านอีสาน.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์อักษรพัฒนา.ม.ป.ป.
 : ชัชวาล วงษ์ประเสริฐ.ศิลปะการฟ้อนอีสาน.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม,2533
 : เอกลักษณ์การฟ้อนภาคอีสาน.http://www.isangate.com/entertain/dance_06.html.
สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.
 : การฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน.www.isan.clubs.chula.ac.th/folkdance/.
สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.
 : วัฒนธรรมประเพณีการแสดงของภาคอีสาน.nanavagi.blogspot.com/2010/01/blog-post_1058.html?m=1.สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.

ลดาวัลย์   ชัยแสง (53010612049)

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชฏาไทย

     ชฏาไทย
 

          ชฎา คือเครื่องสวมศีรษะรูปคล้ายมงกุฎ โดยทั่วไปมียอดแหลม มีกรรเจียก (กระหนกข้างหู)ประดิษฐ์ขึ้นด้วยโลหะเช่นทองหรือเงิน หรือวัสดุอื่นเช่นไม้ เปเปอร์มาเช่ หรือพลาสติก แล้วทาสีให้ดูเหมือนโลหะ ผิวด้านนอกของชฎาจะตกแต่งอย่างสวยงาม โดยการแกะสลัก ประดับอัญมณี กระจกสี และพวงดอกไม้
       ื    ชฎาที่เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ส่วนใหญ่เรียกว่า "พระชฎา" หรือ "มงกุฎรอง" มีหลายชนิด ชฎามักใช้ในงานพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจ้านายชั้นสูงและใช้ในงานนาฏศิลป์ วัฒนธรรมสมัยใหม่มีการใช้ชฎาเป็นเครื่องแต่งตัวในการเดินแบบ ถ่ายภาพยนตร์ และประกอบการแสดง
          พระชฎา ๕ ยอด หรือพระชฎามหากฐิน ปัจจุบันมี ๔ องค์ คือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ พระชฎามหากฐิน ๔ องค์นี้ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร มีส่วนประกอบ คือ มาลา เกี้ยว ส่วนยอดเป็น ๕ แฉก ยอดกลางสูง อีก ๔ ยอดเล็กและต่ำกว่า ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมติดกระจังโดยรอบเป็นชั้น ๆ มีกรรเจียกจร ตอนล่างส่วนยอดพระชฎาปักใบสน หรือขนนกวายุภักษ์ หรือขนนกการะเวกหรือดอกไม้ทองคำซึ่งทำคล้ายขนนก ที่เรียกว่า “ยี่ก่า” พระชฎา ๕ ยอดที่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชื่อว่า “พระมหาชมพู” เพราะลงยาสีชมพูทั้งองค์ พระชฎา ๕ ยอดใช้สำหรับทรงในการพระราชพิธีสำคัญ เช่นการเสด็จพระราชดำเนินกระบวนพยุหยาตราเลียบพระนครหรือเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐิน พระชฎา ๕ ยอด เป็นเครื่องราชศิราภรณ์สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ
          ชฎาพระกลีบ สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชรมีส่วนประกอบคือ มาลาไม่มีเกี้ยว ส่วนยอดค่อนข้างแบนจำหลักเป็นกลีบ ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมติดกระจังมีใบสนและกรรเจียกจร เป็นเครื่องราชศิราภรณ์สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ
          พระชฎาเดินหน สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นเครื่องราชศิราภรณ์ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์และมีเครื่องต้นประกอบ ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร มีส่วนประกอบคือ มาลากับเกี้ยว ส่วนยอดค่อนข้างแบน มีลวดลาย ปลายสะบัดไปข้างหลัง ตรงกระหม่อมไม่ติดกระจัง แต่มีสาแหรกแปดยึดมาลากับเกี้ยวให้ติดกัน มีใบสนและกรรเจียกจร พระชฎาเดินหนนี้ปรากฏว่าเคยพระราชทานให้เจ้านายบางพระองค์ทรงด้วย
          ชฎาพอก ทำด้วยผ้าหรือกระดาษรูปลักษณะอย่างลอมพอกแต่มีเกี้ยว ประดับดอกไม้ไหวทำด้วยทองคำหรือเงินตามระดับฐานะ ชฎาพอกนี้ใช้สวมพระศพเจ้านายตลอดลงมาถึงขุนนางที่ได้รับเกียรติบรรจุโกศ ส่วนพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ใช้พระชฎามหากฐินของรัชกาลนั้น ทรงตามพระราชประเพณี หากพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จสวรรคตก่อน โดยที่ยังมิได้สร้างพระชฎามหากฐินไว้เป็นเครื่องทรงประจำพระองค์ เมื่อจะอัญเชิญพระบรมศพลงพระโกศ ก็ทรงพระชฎามหากฐินของพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นสวมถวาย
          ชฎาแปลง ชฎารูปร่างคล้ายชฎกลีบ แต่ไม่มีลวดลายจำหลักหรือลายเขียน
          ชฎาดอกลำโพง มีลักษณะอย่างเดียวกับมงกุฎจีบแต่มักเรียกกันโดยทั่วไปว่า ชฎาดอกลำโพง
          ชฎามนุษย์ ชฎายอดพันผ้าใช้ในราชการ มีลักษณะอย่างลอมพอก
          ชฎายักษ์ ชฎามีรูปทรงและลักษณะต่าง ๆ กันหลายแบบดังปรากฏในลายพระหัตถ์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ประทาน ม.จ. พิไลเลขา ตอนหนึ่งดังนี้
          "ชฎาที่เรียกว่ามนุษย์นั้นพิจารณาดูรูปจะเห็นว่ามีรูปเดียวคือเป็นอย่างลอมพอกไทย ที่ชฎายักษ์มียอดอุตริต่าง ๆ แต่ครั้นดูรูปภาพนครธม (นครวัด) ก็พบชฎายอดอุตริต่าง ๆ นั้นอยู่บริบูรณ์ จึงเห็นได้ว่ายักษ์ใส่ชฎาขอมนั่นเอง"

            โขนละครในราชสำนักสุวรรณภูมิยุคแรกๆ สวมลอมพอก เมื่อนานเข้าก็มีพัฒนาการเป็นชฎา, มงกุฎ
          ลา ลูแบร์ เมื่อดูโขนละครของราชสำนักอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์(ราชอาณาจักรสยาม โดย มร. เดอ ลา ลูแบร์ แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร สำนักพิมพ์ก้าวหน้า พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2510) จึงมีบันทึกว่า
          โขนละคร “สวมชฎาทำด้วยกระดาษทองน้ำตะโก ทรงสูงปลายแหลมเกือบเหมือนลอมพอกของพวกขุนนาง แต่ครอบลงมาข้างล่างจนปรกใบหู”
          ที่ ลา ลูแบร์ เห็นอย่างนั้นเป็นเพราะเมื่อเล่นเรื่องรามเกียรติ์ก็พรางหน้าจริงโดยสวมหน้ากากเป็นตัวต่างๆ แล้วสวมลอมพอกไว้บนหัวเมื่อเป็นตัวพระ, นาง และยักษ์  ลอมพอกสวมหัวค่อยๆ ประดิดประดอยประดับประดาจนถึงสมัยหลังๆ ก็เป็นชฎาตัวพระ และ มงกุฎตัวนาง
          นักปราชญ์ราชบัณฑิตสยามอธิบายสอดคล้องกันว่าชฎามีต้นแบบจากลอมพอกที่เป็นเครื่องสวมศีรษะของเปอร์เซีย (อิหร่าน)
          ลอมพอก เครื่องสวมศีรษะรูปยาว ยอดแหลม หรืออาจมนๆ ไม่แหลมนักก็ได้ ล้วนได้แบบจากเปอร์เซีย (อิหร่าน) ตั้งแต่ก่อนยุคอยุธยา แล้วใช้เป็นเครื่องทรงพระเจ้าแผ่นดินกับเครื่องแบบขุนนางสยามยุคอยุธยา ต่อมามีพัฒนาการเป็นชฎาและมงกุฎ ใช้แต่งตัวโขนละครด้วย
          ดังนั้น ที่อวดกันว่าโขนละครเป็นของไทยแท้ๆ จึงไม่จริง เพราะมีทั้งส่วนที่เป็น “วัฒนธรรมร่วม” พื้นเมืองสุวรรณภูมิ แล้วยังมีส่วนที่ได้จากอินเดียกับเปอร์เซียด้วย    ถ้านาฏศิลป์โขนละครสะท้อนความเป็นไทยแท้ๆ ก็เป็นหลักฐานชัดเจนว่าความเป็นไทยแท้ๆ ไม่มีจริง   แต่ความเป็นไทยที่มีจริง
ประกอบด้วยวัฒนธรรมหลากหลายจนจำแนกไม่ได้ทั้งหมดว่ามีอะไรผสมปนเปอยู่บ้าง

ที่มา
 : พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
 : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๖
 : ประภัสสร์ ชูวิเชียร.คำอธิบายความเป็นมาของชฎาและมงกุฎ.มติชนสุดสัปดาห์ ลงฉบับประจำวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2554.
 : ข้อหนดของการใช้เครื่องประดับสำหรับฝ่ายในและชนชั้นสูงในราชสำนัก.valuablebook2.tkpark.or.th/2015/6/document7.html.
สืบค้นวันที่ 3 มิถุนายน 2559.
 : ชฏา.https://th.m.wikipedia.org/wiki/ชฎา.สืบค้นวันที่ 3 มิถุนายน 2559.


 ลดาวัลย์. ชัยแสง (53010612049)