วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฟ้อนอีสาน

ฟ้อนอีสาน



     การฟ้อนของภาคอีสานนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ที่ผู้ชมสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าต่างจากภาคอื่นๆ แม้จะไม่มีการประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อนการแสดงซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
       ท่วงทำนองของดนตรี จังหวะ ลีลาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มีความสนุกสนานเร้าใจแตกต่างจากภาคอื่นๆ ของไทย
       การแต่งกายของผู้แสดง ทั้งนักแสดงหญิงและชายจะมีความเด่นชัด ในฝ่ายหญิงจะนุ่งซิ่นมัดหมี่ สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มผ้าสไบหรือแพรวา ผมเกล้ามวย ฝ่ายชายจะสวมเสื้อม่อฮ่อม นุ่งโสร่งผ้าลายเป็นตาๆ ก็พอจะบอกได้ว่าเป็นการแสดงของอีสาน
       เครื่องดนตรี นับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของภาคอีสานอบ่างชัดเจน พิณ แคน โปงลาง โหวด ไหซอง กลองตุ้ม ถึงแม้จะยังไม่มีการบรรเลงก็พอจะบอกได้ว่า การแสดงต่อไปนี้จะเป็นการแสงของภาคอีสาน
       ภาษาอีสาน แน่นอนว่าเป็นภาษาเฉพาะถิ่นที่มีสำเนียงที่แตกต่าง เป็นการชี้ชัดว่าเป็นการแสดงของภาคอีสาน
ท่าฟ้อนของภาคอีสานนั้นมีความเป็นอิสระสูง ไม่มีข้อจำกัดตายตัว ทั้งมือและเท้า ส่วนใหญ่ท่าฟ้อนจะได้มาจากท่าทาง หรืออริยาบถธรรมชาติ และมีท่าพื้นฐานที่แตกต่างกันไปเฉพาะถิ่น เช่น ฟ้อนผู้ไท ฟ้อนผีฟ้า ฟ้อนไทยดำ เรือมอันเร เป็นต้น


      ถึงแม้จะมีความคิดที่จะพยายามกำหนดท่าฟ้อนของภาคอีสาน ให้เป็นแบบฉบับขึ้น มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับนาฏศิลป์ภาคกลางที่มี "ท่าแม่บท" เป็นพื้นฐานในการฟ้อนรำนั้น เป็นแนวคิดหนึ่งที่ต้องการให้การฟ้อนภาคอีสานมีระบบ และหลักเกณฑ์ที่แน่นอนขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้องนัก เพราะจะเป็นการตีกรอบให้ตัวเองมากเกินไป ซึ่งตามจริงแล้ว ท่าฟ้อนของอีสานมีความเป็นอิสระ ไม่มีการกำหนดท่าแน่นอนตายตัวว่าเป็นท่าอะไร ขึ้นอยู่กับผู้ประดิษฐ์ท่ารำ จะตั้งชื่อว่าเป็นท่าอะไร ความเป็นอิสระนี่เองที่ทำให้เกิดท่าฟ้อนชุดใหม่ๆ ที่แปลกตา สวยงามยิ่งขึ้น
       ท่าฟ้อนที่เป็นแม่แบบส่วนใหญ่นำมาจากกลอนลำ ซึ่งเรียกว่า "กลอนฟ้อน" เป็นกลอนยาว ใช้กลอนเจ็ด แปด หรือกลอนเก้า แล้วแต่ผู้แต่งถนัดแบบใด การฟ้อนเป็นศิลปะอันหนึ่งที่มาพร้อมกับการลำ การฟ้อนจะมีกี่แบบไม่ปรากฏแน่ชัด แต่หมอลำจะแต่ง กลอนฟ้อนแบบต่างๆ ไว้ ในขณะที่ลำหมอลำจะฟ้อนแสดงท่าทางตามกลอนที่แต่ง ดูแล้วเป็นการสนุกสนาน
        การฟ้อนอีสาน มีศิลปะการฟ้อนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และมีการสืบทอดจนเกิดเป็นพัฒนาการมาจน ถึงปัจจุบัน มี แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มวัฒนธรรมใหญ่ ๆ คือ กลุ่มอีสานเหนือ มีวัฒนธรรมไทยลาวซึ่งมักเรียกการละเล่นว่า “เซิ้ง ฟ้อน และหมอลำ” เช่น เซิ้งบังไฟ เซิ้งสวิง ฟ้อนภูไท ลำกลอนเกี้ยว ลำเต้ย ซึ่งใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านประกอบ ได้แก่ แคน พิณ ซอ กลองยาว อีสาน ฉิ่ง ฉาบ ฆ้อง และกรับ ภายหลังเพิ่มเติมโปงลางและโหวดเข้ามาด้วย ส่วนกลุ่มอีสานใต้ได้รับอิทธิพลไทยเขมร มีการละเล่นที่เรียกว่า เรือม หรือ เร็อม เช่น เรือมลูดอันเร หรือรำกระทบสาก รำกระเน็บติงต็อง หรือระบำตั๊กแตน ตำข้าว รำอาไย หรือรำตัด หรือเพลงอีแซวแบบภาคกลางวงดนตรี ที่ใช้บรรเลง คือ วงมโหรีอีสานใต้ มีเครื่องดนตรี คือ ซอด้วง ซอด้วง ซอครัวเอก กลองกันตรึม พิณ ระนาด เอกไม้ ปี่สไล กลองรำมะนาและเครื่องประกอบจังหวะ การแต่งกายประกอบการแสดงเป็นไปตามวัฒนธรรมของพื้นบ้าน ลักษณะท่ารำและท่วงทำนองดนตรีในการแสดงค่อนข้างกระชับ รวดเร็ว และสนุกสนาน
        นักนาฎศิลป์และศิลปินอีสาน เป็นผู้มีความคิดกว้างไกล มีความประสงค์ที่จะอนุรักษ์ประเพณีการละเล่นของชุมชนเอาไว้เลย ได้ปรับปรุงให้การละเล่นบางอย่างออกมาในรูป “นาฎยศิลป์” เพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่าทางศิลปะและความสวยงาม ให้ชุมชนได้ตระหนักในความสำคัญของการละเล่นที่เป็นประเพณี มรดกของชุมชน และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและยึดถือเป็นแนวปฏิบัติสืบไป
        การแสดงฟ้อนอีสานถือว่าเป็นการแสดงที่มีบทบาทและความสำคัญในงานประเพณีต่างๆของชาวอีสานโดยเฉพาะงานบุญประจำเดือนที่เรียกว่า ฮีตสิบสองและงานประเพณีต่างๆหรืองานขบวนแห่อื่นๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานผ้าป่า ต่อมาได้มีการพัฒนารูปแบบการฟ้อนอีสานใหม่ให้มีความสวยงาม และความสนุกสนานมากขึ้น และยังคงอนุรักษ์ สืบสาน วัฒนธรรมสอดแทรกเข้าไปอยู่ในท่วงท่าลีลาและทำนองของฟ้อนอีสาน

ที่มา
 จารุวรรณ ธรรมวัตร.คติชาวบ้านอีสาน.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์อักษรพัฒนา.ม.ป.ป.
 : ชัชวาล วงษ์ประเสริฐ.ศิลปะการฟ้อนอีสาน.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม,2533
 : เอกลักษณ์การฟ้อนภาคอีสาน.http://www.isangate.com/entertain/dance_06.html.
สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.
 : การฟ้อนรำพื้นบ้านอีสาน.www.isan.clubs.chula.ac.th/folkdance/.
สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.
 : วัฒนธรรมประเพณีการแสดงของภาคอีสาน.nanavagi.blogspot.com/2010/01/blog-post_1058.html?m=1.สืบค้นวันที่ 4 มิถุนายน 2559.

ลดาวัลย์   ชัยแสง (53010612049)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น